มะเร็งเต้านม |
มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบบ่อยในหญิงไทย เป็นอันดับ 1 รองลงมาคือมะเร็งปากมดลูก มักจะเกิดในหญิงอายุ 10 ปีขึ้นไป และพบมากในหญิงที่ไม่มีบุตร หรือมีบุตรน้อย และในผู้ที่มีประวัติญาติพี่น้องเคยเป็นมะเร็งเต้านม
สาเหตุของมะเร็งเต้านม
สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบ แต่จากการศึกษาพบว่าฮอร์โมนเพศหญิงและพันธุกรรมอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านม
ร้อยละ 70 ของมะเร็งเต้านมไม่มีปัขขัยเสี่ยงแต่พบว่ามีปัจจัยบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งเต้านมได้แก่
1. ฮอร์โมนเพศหญิง
- หญิงที่มีประจำเดือนตั้งแต่ก่อนอายุ 12 ปี หรือประจำเดือนหมดช้าหลังอายุ 55 ปี จะมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้สูงกว่าคนปกติ
- หญิงที่มีบุตรหลังอายุ 30 ปี รวมถึงหญิงที่ไม่เคยมีบุตร จะมีความเสี่ยงต่อการเป็ฯมะเร็งเต้านมมากขึ้น
2. พันธุกรรม
- ร้อยละ 5-10 ที่มีประวัติเป็นมะเร็งในครอบครัว
- หญิงที่มีแม่ / น้องสาม / พี่สาวเป็นมะเร็งเต้านมมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น 1.5-3 เท่า
- ผู้ที่มีสารพันธุกรรมผิดปกติ (ยินส์ BRCA1, BRCA2) จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งสูง
3. โรคบางชนิด เช่น การแบ่งตัวที่ผิดปกติของท่อน้ำตม จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม
4. อาหารไขมันสูง พบว่าการรับประทานอาหารไขมันสูง เช่น อาหารทอด อาจเพิ่มอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งเต้านม
5. รังสี หญิงที่ได้รับการฉายรังสี รักษาบริเวณทรวงอกมาก่อน มีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมมากกว่าคนปกติ
อาการของมะเร็งเต้านมมีดังนี้
1.เริ่มด้วยการมีก้อนเล็ก ๆ ขึ้นที่เต้านมก่อนส่วนมากจะไม่มีอาการเจ็บปวด
2. ก้อนจะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เต้านมมีลักษณะผิดไป อาจทำให้เต้านมใหญ่ขึ้น หรือบางชนิดทำให้เต้านมแข็ง หดตัว หรือแบนลงได้
3. ก้อนของมะเร็งอาจจะรั้งให้หัวนมบุ๋มเข้าไปจากระดับเดิม หรือทำให้ผิดหนังบริเวณเต้านมมองดูมีลักษณะหยาบและขรุขระในบางรายเมื่อบีบบริเวณหัวนมจะพบมีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลซึมออกมา
4. ก้อนของมะเร็งจะลุกลามแพร่กระจายตัวจากตำแหน่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไปตามหลอดเลือดและน้ำเหลืองสู่อวัยวะอื่น ๆ บริเวณที่พบการแพร่กระจายได้เร็วและบ่อยที่สุด ได้แก่ ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้จะพบว่าโตขึ้นเรื่อย ๆ
5. ในระยะหลัง เนื้อมะเร็งบางส่วนจะเน่าตายทำให้เกิดเป็นแผลขยายกว้างออกไป และมีกลิ่นเหม็นจัด
การวินิจฉัยโรคมะเร็งเต้านม
1. การตรวจเต้านมด้วยตนเองเดือนละครั้งเป็นประจำ โดยตรวจ หลังหมดประจำเดือนแล้ว 7 วัน จะช่วนให้พบก้อนมะเร็งได้ตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งยังมีขนาดเล็กมาก
2. ก้อนที่พบบริเวณเต้านมนั้น อาจเป็นเพียงเนื้องอกอย่างธรรมดา ไม่ใช่มะเร็งเสมอไป แต่ก้อจำเป็นต้องรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่นอน
3. ในการตรวจวินิจฉัย แพทย์อาจทำการตรวจเต้านม ด้วยเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ เครื่องเอกซเรย์เต้านมหรืออัลตร้าซาวด์ และจะต้องตัดเนื้อหรือใช้เข็มดูดเซลล์ที่ก้อนเนื้อไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อให้ทรายแน่ชัดว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ และพิจารณาให้การรักษาต่อไป
เมื่อพบสิ่งผิดปกติใด ๆ ของเต้าตม ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว |
การรักษามะเร็งเต้านม
การรักษาอาจทำได้หลายวิธี อาจใช้วิธีไดวิธีหนึ่งหรือรักษาร่วมกันหลายวิธี ขึ้นกับระยะของโรค คือ
1. การผ่าตัด มี 2 วิธีสำคัญคือ
1.1 ผ่าตัดแบบสงวนเต้าไว้และเลาะต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ออก
1.2 ผ่าตัดแบบตัดเต้านมออกทั้งหมดและเลาะต่อน้ำเหลืองที่รักแร้ออก
2. รังสีรักษา กรณีผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดแบบสงวนเต้าจะต้องได้รับการฉายรังสีทุกราย ส่วนผ่าตัดแบบตัดเต้านมออกทั้งหมด และเลาะต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ออก แพทย์อาจพิจารณาให้ฉายรังสี ในกรณีก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่มากกว่า 5 เซนติเมตรและมีการแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้
3. เคมีบำบัด และยาฮอร์โมน โดยทั่วไปหากก้อนมะเร็งมีขนาดโตกว่า 1 เซนติเมตร และมะเร็งแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง
การป้องกัน
1. พึงระลึกเสมอว่า มะเร็งเต้านมหรืออวัยวะใดก็ตาม ถ้าได้รับการรักษาในระยะเริ่มต้นเร็วเท่าใหร่ความหวังที่จะหายขาดก็ยิ่งมากขึ้นเพียงนั้น
2. ควรทำการตรวจเต้านมด้วยตนเองเดือนละ 1 ครั้งเป็นประจำ หรือรับการเอ็กซเรย์เต้านม เพื่อจะได้พบก้อนหรือสิ่งผิดปกติของเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
3. เมื่อพบสิ่งผิดปกติใด ๆ ของเต้าตม ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว อย่าลังเลใจ ผัดผ่อนเวลาเพราะจะทำให้สายเกินไปที่จะรักษาโรคให้หายขาดได้ มะเร็งเต้านมเป็นโรคร้ายที่รักษาให้หายได้ถ้ามาพบแพทย์ในระยะแรกเริ่มและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์แย่างเคร่งครัด